วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ราชากับอำมาตย์สอพลอ นิทานขำขัน

กาลครั้งหนึ่งมีพระราชาองค์หนึ่ง และอำมาตย์คู่ใจเวลาพระราชาถามอะไรก็ชอบตอบกลับว่า "ดีพะย่ะค่ะ"
วันหนึงเกิดมีน้ำท่วมเมืองครั้งใหญ่ พระราชาเครียด ไม่รู้จะทำงัยเลยเรียกอำมาตย์มาปรึกษา
"นี่เจ้า...น้ำท่วมเมืองทำงัยดี..ข้าเครียด..."
"ดีพะย่ะค่ะ...ท่วมเยอะๆ"
"อ้าวดียังงัยล่ะ..คนตายเยอะ"

"ดีซิ...พะย่ะค่ะ พระองค์จะได้มีโอกาสช่วยคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก"
พระราชาก็คิดได้แล้วบริจาคสิ่งของจนชาวบ้านสรรเสริญกันเพียบ
เวลาผ่านไปเกิดมีการก่อกบฏขึ้นมา พระราชาก็เครียด ไม่รู้จะทำงัยเลยเรียกอำมาตย์มาปรึกษาอีก "นี่เจ้า...มีกบฏมาทำงัยดี..ข้าเครียด..."
"ดีพะย่ะค่ะ...กบฏเยอะๆ."
"อ้าวดียังงัยล่ะ..เดี๋ยวมันมาชิงบรรลังก์ ข้าก็แย่นะสิ"
" ดีซิ...พะย่ะค่ะ พระองค์จะได้รู้ว่ามีใครจงรักภักดีบ้าง พวกไม่ดีก็จัดการให้หมด บ้านเมืองจะเป็นสุข" พระราชาก็คิดได้แล้วร่วมมือกันปราบกบฏจนราบคาบ บ้านเมืองเป็นสุข

อยู่ มาวันนึงพระราชาไปล่าสัตว์ เกิดยิงผิด ยิงธนูมาโดนนิ้วก้อยเท้าตัวเองขาด พระราชาได้รับความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และเมื่อเจอหน้า อำมาตย์ ก็เล่าให้ฟัง ได้ยินเรื่องดังนั้นอำมาตย์ก็บอกว่า
"ดีพะย่ะค่ะ...ขาดไป เลย."พระราชาได้ยินดังนั้นก็กริ้ว "เฮ้ย..นิ้วเท้าข้าขาดมันจะดียังงัย...เจ้านี่พูดไปเรื่อย...ดีใจที่เห็นข้า ไม่ครบ 32 งั้นเหรอ ทหารจับตัวมันไปขัง."

แล้วอำมาตย์ก็โดนขังลืม....


วันหนึ่ง พระราชาออกไปล่าสัตว์อีก แต่โดนกลุ่มมนุษย์กินคนจับไปทั้งหมด มนุษย์กินคนก็กินทีละคนๆ จนถึงพระราชาเป็นคนสุดท้าย..
พระราชาโดนจับแก้ผ้าแล้วใส่ลงในหม้อต้ม...

แต่มีมนุษย์กินคนตัวนึงเห็นว่า นิ้วเท้าขาดไปข้างนึง...จึงบอกว่าไอ้นี่เป็นตัวเสนียด!กินไม่ได้เลยเอาไม้ไล่ตีแล้วขับออกมา
พระ ราชาดีใจมากวิ่งแก้ผ้าล่อนจ้อนกลับเข้าเมือง.....เย้ๆๆๆๆๆ ทันทีที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ให้รับสั่งเรียกอำมาตย์ออกมาจากคุกแล้วเล่าเรื่องให้ฟัง "เอ้อ...เจ้าว่าไม่ผิดจิงๆว่ะ...แม้นิ้วเท้าขาดก็ยักเป็นเรื่องดีได้."

อำมาตย์ก็ยิ้มแล้วบอกว่า

"อิอิ...ดีพะย่ะค่ะ"

ปล. เรื่องอาจจะมีตอนต่ออีกนิดว่า
" แล้วตอนที่ข้าสั่งขังคุกเจ้า ทำไมเจ้าพูดว่าดีพะยะคะ " " ก็ถ้าไม่ถูกขังคุก ก็ต้องตามไปล่าสัตว์และถูกจับกิน พะยะคะ"

4 อาหารสลายพุง


1. อะโวคาโด อะโวคาโดอุดมไปด้วยสารเบตาซิสโตสเตอรอล ซึ่งช่วยในการดูดซึมคอเลสเตอรอล มีเส้นใยอาหาร ทั้งชนิดที่ละลายน้ำ ซึ่งช่วยขจัดคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกจากร่างกาย และชนิดที่ไม่ละลายน้ำซึ่งช่วยป้องกันอาการท้องผูก ปริมาณแนะนำต่อวัน: 1/2 ถ้วย

2. บรอกโคลี่ นักวิจัยระบุว่าสารอาหารอย่างแคลเซียมช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีที่จะสะสม ไว้เป็นไขมันส่วนเกินได้ และบร็อกโคลี่ก็มีดีที่เป็นแหล่งแคลเซียมซึ่งไม่มีไขมัน ปริมาณแนะนำ: 1 1/2 ถึง 2 ถ้วย

3. ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนักได้ โดยเฉพาะถั่วเปลือกแข็ง และเมล็ดพืชต่างๆ เช่น อัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดฟักทอง พิสทาชิโอ ปริมาณแนะนำต่อวัน: 2 ช้อนโต๊ะ

4. น้ำมัน เลือกกินน้ำมันที่มีประโยชน์ช่วยลดน้ำหนักได้ น้ำมันพืชต่างๆ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันชา น้ำมันถั่วเหลือง ปริมาณแนะนำต่อวัน: 1 ช้อนโต๊ะ

นอกจากดูแลเรื่องอาหารการกินแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายเป็นประจำด้วยนะคะ...

10 วิธีทำให้คนอื่นชอบคุณ


ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน การได้เป็นที่รัก ที่ชอบพอของคนรอบตัวนั้น ก็นับเป็นสิ่งประเสริฐที่ทุกคนปรารถนา แต่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องดีงามเป็นพื้นฐานด้วย ไม่ใช่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนอื่นพอใจรักใคร่ ทั้ง 10 ข้อที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นสูตรปรุงเสน่ห์ ซึ่งทำได้ไม่ยาก แต่ท้าทายให้ทุกคนใส่ใจและทดลองปฏิบัติ ที่เห็นว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ถึงเวลา หากสำรวจเข้าจริงๆ บางคนก็ขาดไปหลายข้อเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา ง่ายเสียจนเราละเลย ลืมให้ความสำคัญ ลืมปฏิบัติกันให้เป็นนิสัย

1. จำชื่อเขาให้ได้

ถ้ายังจำชื่อใครต่อใครไม่ได้ หรือจำผิดจำถูก แสดงว่าคุณไม่ใคร่สนใจไยดีหรือให้ความสำคัญในตัวเขานัก คุณรู้ไหมว่า ชื่อคนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความรู้สึกของคนอย่างมากมาย รีบจำชื่อเขาให้ได้ และเรียกให้ถูกนะคะ

2. รู้จักทักทาย

การทักทายใครต่อใครก่อน เป็นความน่ารักอย่างหนึ่ง สะท้อนให้เห็นความมีมิตรจิตมิตรใจ ทำให้ผู้ถูกทักทายรู้สึกดีว่าได้รับความใส่ใจ มีคนให้ความสำคัญ เราจะจำชื่อคนให้ได้ไปทำไมกันคะ ถ้าจำได้แล้วไม่รู้จักทักทายกัน?

3. วางตัวสบายๆ ได้หรือเปล่า

จงเป็นคนที่วางตัวสบายๆ เสมอ เพื่อผู้อื่นจะได้ไม่รู้สึกเครียดเมื่ออยู่ใกล้ๆ คุณโปรดเป็นกันเอง อย่าถือเนื้อถือตัว อย่าเจ้ายศเจ้าอย่าง เพราะมันจะน่ารำคาญ น่าเกลียดน่ากลัว มากกว่าน่าเข้าใกล้

4. มีนิสัยง่ายๆ

นิสัยง่ายๆ เป็นคนละเรื่องกับมักง่าย หากคุณเป็นคนง่ายๆ มีความยืดหยุ่นสูง และรู้จักผ่อนปรนอารมณ์ของคุณก็มักจะคงที่ ไว้ใจได้ ทำนายได้ ไม่แปรปรวนจนยากแก่การควบคุมหรือไว้ใจ คนง่ายๆ มักยอมรับและเข้าใจได้ แม้กับคนที่น่ารำคาญที่สุด ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้กับคนที่อารมณ์คงที่ ยืดหยุ่น และถือสาใครต่อใครน้อยมาก เพราะอะไรคะ เพราะว่าบางครั้ง เราก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเราเองมีอะไรที่น่ารำคาญบ้าง ง่ายๆ วางใจ ไม่ถือสากันนี่ละ ดีที่สุด

5. อย่าอวดตัวเอง

จงระวัง อย่าแสดงว่าคุณรู้อะไรๆ ไปหมดเสียทุกเรื่อง ไม่มีใครอยากจะชอบพอกับคนที่ฉลาดไปเสียทุกเรื่องหรอก บางเรื่องเขาก็อยากฉลาดบ้างเหมือนกัน ดังนั้นโปรดวางตัวตามธรรมชาติ (คือมีทั้งเรื่องที่รู้และไม่รู้) ถ่อมตน และสุภาพตามกาลเทศะจะดีกว่า


6. จงมีนิสัยร่าเริง

เพื่อคนทั้งหลายจะได้ชอบอยู่ใกล้ และ "ติด" ในความร่าเริงที่คุณมี แล้วคุณจะได้รับความรู้สึกดีๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งดีๆ จากคนเหล่านี้ เมื่อคบค้าสมาคมด้วย

7. จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิด

คุณอาจเคยมองใครในแง่ร้ายๆ ไปบ้าง คุณอาจเคยถือสาการกระทำครั้งโน้นครั้งนี้ของเขา หากคุณมีเวลา จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดหรือความถือสาที่เคยมี รวมทั้งที่กำลังมีอยู่ให้หมดไป มิตรภาพไม่อาจก่อเกิดหรืองอกงามได้ ท่ามกลางความระแวงแคลงใจ จงขจัดความขุ่นข้องหมองใจ ความไม่ชอบใจ และความเจ็บใจให้หมด แล้วคุณจะเป็นคนน่ารักที่ไม่มีใครผูกใจเจ็บ

8. ทิ้งมันไป...นิสัยเสียๆ

บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่า เรามีนิสัยอะไรที่เป็นข้อบกพร่องอยู่ในตัวบ้าง การเงี่ยหูฟังจากคนรอบข้าง จะช่วยให้เรารู้ เมื่อเรารู้แล้ว เรามีหน้าที่ต้องกำจัดนิสัยที่ทำให้คนอื่นตั้งเป็นข้อรังเกียจออกไป แม้ว่านิสัยบางอย่างนั้น อาจมีอยู่หรือทำไปโดยที่เราไม่ได้รู้ตัวมาตลอดก็ตาม

9. จงหัดชอบคนอื่นบ้าง

น่าประหลาด... คนบางคนเกลียดใครต่อใครได้ไวมาก ลองหัดชอบคนอื่นจนกลายเป็นนิสัยดีไหมคะ ชอบที่เขาเป็นอย่างนั้น ชอบที่เขาคิดอย่างนี้ ชอบในสิ่งที่เขาพูดจา ฯลฯ พึงท่องคาถาประจำใจเอาไว้ให้ตลอดเภิดว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยพบกับบุคคลที่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกชอบเลย”

10. ชมเชยให้เป็น

อย่าละทิ้งโอกาสที่จะกล่าวคำชมเชย เมื่อใครคนใดคนหนึ่งใกล้ๆ ตัวคุณ ได้กระทำในสิ่งที่ดี เป็นแบบอยางต่อผู้อื่น หรือทำอะไรได้สำเร็จสักอย่างหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องรู้จักแสดงความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ ในความทุกข์ร้อนและความผิดหวังของพวกเขาด้วย พูดง่ายๆ ได้ว่า หัดเป็นคนมีหัวใจซะบ้าง!

จะเลือกคนที่ใช่หรือคนที่ชอบ‏


เพื่อน ผม เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง เธอหน้าตาดี เราเรียนจบมาในคณะเดียวกัน หลังจากเรียนจบมาได้ ปีกว่าๆ ผมก็ได้รับการ์ดเชิญไปงานแต่ง

วัน แต่งงานของเธอ เธอดูสวยและสดใสเหมือนเดิม ดูท่าแล้วเธอคงจะเจอเนื้อคู่ ตามที่เธอใฝ่ฝันไว้แล้วจริงๆ เพื่อนสาวในกลุ่มของเธอถึงกับตาร้อนพ่าว อยากออกเย้าออกเรือนเหมือนกับเธอบ้าง

ผ่านไปได้เกือบปีกว่าๆ ผมก็ได้ข่าวว่า เธอได้คลอดลูกแล้ว พวกเพื่อนๆ รวมทั้งผม ก็ได้ตามไปเยี่ยมเธอที่บ้าน เธอคงเป็นคนโชคดีคนหนึ่งที่ผมเห็น เพราะทั้งสามีและครอบครัวของเธอ ดูมีความสุขกันถ้วนหน้า เพื่อนๆ ต่างล้อเธอว่า เธอเหมือนถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 เพราะเธอได้สามีที่แสนดี ผมเองก็รู้สึกเช่นนั้น เพราะมันช่างแตกต่างจากหลายๆ คู่ที่ผมเคยได้ยินมา

เวลา ผ่านไปอีกปีกว่าๆ เช่นเคย ผมก็ได้รับข่าวว่าเธอคลอดลูกแล้วอีกคน ชีวิตเธอทำเอาผมเริ่มรู้สึกอยากมีชีวิตคู่ขึ้นมาทันที ผมไปเยี่ยมเธอเหมือนครั้งที่แล้ว แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดูเธอมีความสุขที่ได้แต่งงานกับผู้ชายคนนี้ เธอเองก็บอกกับผมเช่นนั้น ชีวิตครอบครัวของเธอลงตัวกันได้อย่างดี


สอง ปีผ่านไป เพื่อนในกลุ่มของเราแต่งงาน ผมได้เจอเธออีกครั้งในงานแต่งนี้ หลังเลิกจากงาน ผมอาสาพาเธอไปส่งบ้าน ตลอดเส้นทางเธอทำให้ทัศนคติของผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เธอได้เอ่ยคุยถึงเรื่องครอบครัว ผมบอกว่าเธอโชคดีที่ได้สามีคนนี้ แล้วเธอก็บอกกับผมว่า ไม่ มีใครดีที่สุด ทุกคนย่อมมีข้อเสียและข้อดีแตกต่างกัน เขาก็มีข้อเสีย เราก็มีข้อเสีย แต่เมื่อแต่งงานกันแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่อยู่ได้คือ การให้อภัย และ การปล่อยวาง

ไม่ ใช่เธอไม่เคยเจอเรื่องที่ไม่พอใจ เพียงแต่เธอไม่ทำให้เป็นเรื่องมากกว่า ผมก็แอบชื่นชมเธออยู่ในใจ สักพักเธอก็พูดขึ้นมาว่า รู้ไหมแก บางครั้งฉันยังแอบคิดถึง คนที่ฉันเคยแอบรักเขาอยู่เลย ยังคงแอบคิดถึงอยู่เป็นประจำ แต่แกรู้ไหม ฉันรู้ดีว่า คนที่ฉันรักมันไม่ใช่คนที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย ผมทำหน้างงๆ เธอยิ้มแล้วพูดต่อว่า คนที่เรารักบางครั้งอาจไม่เหมาะที่จะมาใช้ชีวิตอยู่คู่กับเรา เขาเหมาะเพียงแค่ให้เราได้ แอบรัก แอบคิดถึง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรารู้ดีว่าคนที่จะอยู่กับเราได้นั้นต้องเป็นยังงัย ฉันเองก็เลือกถูกต้องแล้ว ชีวิตคู่สมัยนี้คิดแต่ จะเลือกเฉพาะคนที่เรารัก แต่ไม่ได้มองว่าเขากับเราจะเข้ากันได้ไหม เขาเป็นคนยังงัย จนกระทั้งอยู่ด้วยกันจริงๆ เมื่อความรักหายไป ความเป็นตัวตนที่แท้จริงก็ออกมา อะไรที่ทำแต่ก่อนไม่เคยสนใจ เดี๋ยวนี้นิดหน่อยก็ขัดหูขัดตา แล้วก็มาจบลงด้วยการหย่าร้าง แกเชื่อเถอะว่า เมื่ออยู่ด้วยกันนานๆ แล้ว ความรักมักมาช้ากว่าอย่างอื่นเสมอๆ

หากเราจะเลือกใครเป็นคู่ชีวิตสักคน เราควรจะมองเขาให้มากกว่าความรัก

ผม ขับรถมาถึงหน้าบ้านเธอพอดี สามีเธอออกมารับ สองคนพากันเข้าบ้าน ดูความรักของเธอและครอบครัวก็อบอุ่นดี หลังจากผมขับรถกลับ ผมก็คิดได้ทันทีว่า บ่อยครั้งคนที่อยู่เคียงข้างผมมักถามผมว่า เมื่อไหร่จะแต่งงานสะที แต่ผมกับคิดถึงแต่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ผมแอบหลงรัก จนลืมความจริงไปว่า เราควรอยู่กับสิ่งที่ใช่มากกว่าพยายามเรียกร้องหาสิ่งที่เป็นเพียงความว่างเปล่า คำ พูดของเธอทำให้ผมมองชีวิตคู่เปลี่ยนไป และเปิดใจรับกับการแต่งงานมากขึ้น จนกระทั้งวันนี้ ผมมีลูกแล้วสองคน กับภรรยาที่ผมเลือกแล้วว่าเธอควรค่ากับการเป็นแม่ของลูกผม แล้วคุณล่ะ จะเลือก คนที่ใช่ หรือว่า คนที่ชอบ!!

คำถามสำหรับ แฟนๆ ดราก้อนบอล


Infant Car Seats Best Infant Car Seat Infant Car Seats Infant Car Seats Child Car Seats Free Infant Car Seats Safety First Car Seat Car Seat Support Infant Car Seats Trendy Car Seat Covers Alpha Omega Elite Car Seat Infant Car Seats Infant Car Seats Modern Bedding Baby Bedding Crib Bedding Discount Bedding Kids Bedding Luxury Bedding Girls Bedding Modern Bedding Boys Bedding Tropical Bedding Bedding Sets Designer Bedding Daybed Bedding Horse Bedding Star Wars Bedding Black And White Bedding Waverly Bedding Baby Girl Bedding Childrens Bedding Southwest Bedding Dorm Bedding Twin Bedding California King Bedding Custom Crib Bedding Beach Bedding Funky Bedding Toile Bedding Asian Bedding Baby Crib Bedding Contemporary Bedding Crib Bedding Sets Canopy Bedding Shabby Chic Bedding Fashion Luxury Bedding Zebra Bedding Baby Boy Bedding Batman Bedding

ในเรื่อง ดราก้อน บอล อยากจะถามเพื่อนๆ ว่าตัวละคร ตัวใด ที่บิน หรือลอยตัว หรือเหาะ ได้ตัวแรก เลย ที่เราเห็น คือ ตัวละคร ที่มีชื่อว่าอะไร







ข้อแม้ คือ ห้าม กลับไปเปิด ดูในหนังสือการ์ตูน โดยเด็ดขาด เอา ตั้งแต่เริ่มเรื่องเลยลอง นึกๆ ดู




ผม มีคำตอบ อยู่แล้ว อยาก จะแค่ลองถามดูว่าเพื่อนๆ จะจำได้ป่าว

ลองตอบกันดูครับ ละผมจะมาเฉลยหรือ บอก อีกทีครับ ประมาณกลางเดือน มิถุนายน จะดูว่ามีคนเดาถูกกี่คน



คำตอบมาแล้วครับ ถ้าใครยังไม่อยากดูคำตอบก็ข้ามไปก่อนครับ

<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<>>>>








อ๋อ กัน บ้างยัง ครับ ไว้ ผมจะมีคำถามเกี่ยวกับ ดราก้อนบอลมาถามใหม่ ซึ่ง ค่อนข้าง ยากพอสมควร

วันที่ 14 ของทุกเดือนมีอะไรมี่เป็นวันสำคัญบ้างนะ


Dressy Flip Flops Pearl Flip Flops Pink Flip Flops Rubber Flip Flops Running Flip Flops Basketball Flip Flops Ivory Flip Flops Leather Flip Flops Flip Flops Flip Flops Flip Flops Tattoo Flip Flops Beach Flip Flops Exercise Flip Flops Car Seats Car Seat Covers Car Seats Infant Car Seat Covers Car Seat Covers Infant Car Seat Covers Baby Car Seat Covers Funky Car Seat Covers Car Seats Car Seats Infant Car Seat Cover Infant Car Seats Car Seat Safety Infant Car Seat Car Seat Car Seat Car Seats Car Seats Baby Car Seat Recalls Car Seat Cover Baby Car Seats Convertible Car Seats Car Seat Covers Car Seat Cover Universal Car Seat Covers Infant Car Seats Infant Car Seat Replacement Cover Waterproof Car Seat Covers Sheepskin Car Seat Covers Booster Car Seats Infant Car Seat Liners Replacement Car Seat Covers Car Seat Covers Alpha Omega Car Seat Best Car Seats Car Seat Protector

วันที่ 14 ของทุกเดือนมีอะไรมี่เป็นวันสำคัญบ้างนะ

14 ม.ค. ไดอ่รี่เดย์ (Diary Day) เป็นวันทีคู่รักของเกาหลีจะมอบไดอารี่ ที่เขียนเป็นเวลา 1 ปีให้กัน

14 ก.พ. วาเลนไทน์เดย์ (Valentine's Day) อันนี้ก็รู้ๆกันอยุ่

14 มี.ค. ไวท์เดย์ (White Day) เป็นวันที่นับถอยหลังมาจากวันวาเลนไทน์มา1 เดือน เป็นคราวที่หนุ่มๆต้องให้ของแก่สาวๆที่ตนรักบ้างแล้วจ๊ะ

14 เม.ย แบล็กเดย์ (Black Day) ถึงคราวของคนที่ยังโสดกันบ้างแล้วละ(ฮิๆ) เป็นวันที่คนโสดทุกคนต้องกินจาจังมยอน (เป็นอาหารเกาหลีแบบจีน ที่ทำมาจากซีอิ๊วดำ)

14 พ.ค. โรสเดย์ (Yellow Rose Day) เป็นวันที่คู่รักใหม่ สาวโสดทั้งหลายจะแต่งกายชุดสีเหลือง


14 มิ.ย. คิสเดย์ (Kiss Day) อันนี้ดูชื่อก็คงรู้

14 ก.ค. ซิลเวอร์เดย์ (Silver Day) อันนี้คู่รักต้องมอบของขวัญที่ทำด้วยเงินให้แก่กัน ส่วนใหญ่จะเป็นแหวนกับสร้อยและนำคนที่คุณรักไปแนะนำตัวให้ญาติได้รู้

14 ส.ค. กรีนเดย์ (Green Day ) คู่รักจะพากันไปเที่ยวป่า หรือไม่ก็ไปเที่ยวสวน

14 ก.ย. โฟโต้เดย์ (Photo Day and Musc) เป็นวันที่คู่รักจะไปถ่ายรูปด้วยกันแล้วเก็บไว้คนละใบหรือไปเที่ยวแล้วแล้วเปิดเพลงดังๆ

จงทำชีวิตให้เหมือนแบงค์ 1000


Aa Battery Chargers Digital Camera Battery Chargers 12 Volt Lithium Battery Chargers Discount Battery Chargers Dual Pro Ps1 Battery Chargers 6 Volt Battery Chargers Automatic Battery Chargers 12v Battery Trickle Chargers Multi Volt Battery Chargers 12v Battery Chargers Automobile Battery Chargers Battery Chargers Aa Cell Phone Battery Chargers 12v Battery Chargers Dual Pro .Battery Chargers Lithium Battery Chargers Smart Battery Chargers Solar Power Car Battery Chargers Battery Chargers Battery Chargers Industrial Battery Chargers Portable Solar Battery Chargers Solar Car Battery Chargers Solar Power Battery Chargers Solar Powered Battery Chargers 18 V Battery Chargers Battery Chargers Flip Flops Flip Flops Cheap Flip Flops Wedding Flip Flops Flip Flops Flip Flops Womens Flip Flops Flip Flops Mens Flip Flops Custom Flip Flops Flip Flops For Weddings Just Married Flip Flops Skull Flip Flops Bling Flip Flops Platform Flip Flops Flip Flops Flip Flops White Flip Flops Wedge Flip Flops Baby Flip Flops Cowgirl Flip Flops Discount Flip Flops Personalized Flip Flops

นักพูด..ที่เป็นที่รู้จักกันดีท่านหนึ่ง..
ได้เริ่มหยุดการสัมมนาของเขา..
โดยการหยิบแบงค์ 1,000 ขึ้นมา
ในห้องที่มีผู้เข้าฟัง..ร่วม 200 ท่าน

แล้วเขาก็พูดว่า..
"ใครอยากได้แบงค์ 1,000 นี้บ้าง?"
มีมือ..ได้ถูกยกขึ้นเป็นจำนวนมาก

เขาก็พูดต่อว่า..
"ฉันจะให้เงินแบงค์1,000 นี้..
แก่หนึ่งในพวกท่าน..
แต่ครั้งแรกนี้..ฉันจะทำอย่างนี้"

เขาเริ่มที่จะขยำๆ เงินนั้น
แล้วเขาก็ถามอีกว่า ..
"ใครจะยังต้องการมันอีก?"

ยังคงมีมือที่ยกขึ้นอีก
"ดี" ..เขาตอบ

"แล้วถ้าฉันทำอย่างนี้ล่ะ"
และเขาก็ทิ้งมันลงที่พื้น..
เริ่มที่เหยียบย่ำมัน..ด้วยรองเท้าของเขา
แล้วเขาก็เก็บขึ้นมา
ขณะนี้..มันทั้งยับยู่ยี่และสกปรก

"ตอนนี้.. ใครยังต้องการมันอีก?"
ก็ยังคงมีคนยกมืออีก..

"เพื่อนๆ ..คุณได้เรียนรู้บทเรียน
ที่มีคุณค่ามากที่สุดบทหนึ่งแล้วว่า..
ไม่ว่าฉันจะทำอะไรกับเงิน ..
คุณก็ยังต้องการมันอยู่
เพราะว่า..
มันไม่ได้ลดคุณค่าในตัวมันลงเลย
มันก็ยังคงมีค่า1,000 บาทอยู่นั่นเอง

เหมือนกับหลายๆครั้ง..ในชีวิตของเรา
ที่ถูกทิ้ง.. ถูกเหยียบย่ำ ..
และถูกทำให้สกปรก..
โดยสิ่งที่เราตัดสินใจทำมัน
และสภาพแวดล้อมที่เราเจอ
ทำให้เรารู้สึกว่า..
คุณค่าของเรา--ลดน้อยลง

แต่ไม่ว่าอะไร..ที่ได้เกิดขึ้น
หรืออะไร..ที่จะเกิดขึ้น
คุณไม่เคยสูญเสีย--คุณค่าในตัวเอง

คุณเป็นคนพิเศษ..
อย่าลืมมันตลอดไป...

อย่านำความผิดหวัง..ของเมื่อวาน
มาบดบังความฝัน..ในวันพรุ่งนี้

มนุษย์ MSN 15 ประเภท


Kindergarten 1st Graders 2nd Grade Place Values 5th Grade 6th Graders 7 Year Old Collage College Grades First Grade Grade 5 Grade 6 Kindergarden Second Grade Sixth Graders Print Sequence Math Practice Vacuum Cleaners Vacuum Cleaners In The World Vacuum Cleaners Upright Vacuum Cleaners Upright Vacuum Cleaners Canister Vacuum Cleaners Vacuum Cleaners Vacuum Cleaners Bagless Vacuum Cleaners Vacuum Cleaners Lightweight Vacuum Cleaners Battery Chargers Solar Powered Battery Chargers Automotive Battery Chargers Marine Battery Chargers Alkaline Battery Chargers 12-volt Battery Chargers Solar Chargers Battery Chargers Rc Battery Chargers Auto Battery Chargers Deep Cycle Battery Chargers Car Battery Chargers Solar Powered Battery Chargers Camera Battery Chargers Boat Battery Chargers Motorcycle Battery Chargers Portable Battery Chargers 12 Volt Battery Chargers Rc Battery Chargers Solar Panel Battery Chargers

ประเภทแรก : อกหักรักคุดตุ๊ดเมิน เกย์ไม่เอา ทอมไม่แล กระเทยทิ้ง

ประเภท นี้หลายๆคนคงจะเห็นกันบ่อยคือชื่อที่ตั้งใน MSN จะเป็นอะไรที่เน่ามากๆ ไม่เคยคิดที่จะใช้ชื่อแบบอื่นเลย ในหัวมีแต่ความรักลอยเต็มหัว ไม่มีเวลาจะไปคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องรักๆใคร่ๆ ตัวอย่างชื่อที่ใช้ก็เช่น "ฉัน เป็นห่วง เธอ ..มากเลยรุ้มั้ย" , "อีกไม่ช้าไม่นานใจเธอจะต้องเปลี่ยนไปจากฉัน", "หรือเราจะรักกันไม่ได้อีกแล้ว" , "ขาดเธอเหมือนขาดใจ"

ประเภทที่ 2 : Away ทั้งชาติ

ประเภทนี้คือตลอดเวลาที่ออน MSN จะมีสถานะเป็น Away ตลอด แต่จริงๆแล้วก็อยู่หน้าคอมฯ

ประเภทที่ 3 : สิ้นคิด

สม กับชื่อประเภทที่บอกไปข้างต้นเพราะพวกเขาเหล่านี้จะตั้งช่อใน MSN โดยใช้ชื่อที่สั้นๆ เช่น ใส่ "........" เป็นชื่ออย่างเดียว หรือ "- -" รึไม่ก็ทศนิยมตัวเดียว แทบจะเห็นชื่อของคนประเภทนี้เป็นสีขาวหรือว่างเปล่าไปเลยเวลามองใน List รายชื่อ ซึ่งที่ตั้งชื่อแบบนี้อาจจะเป็นเพราะอยู่ในอาการจิตตก....หรือขี้เกียจพิมพ์ ....หรือนึกไม่ออกว่าจะใช้ชื่ออะไรดี

ประเภทที่ 4 : หัวศิลป์

ใคร ที่จะอ่านชื่อของมนุษย์ MSN ประเภทนี้ขอให้ทำใจเพราะบางทีตัวอักษรที่พวกเค้าใช้ตั้งในชื่อนั้น จะไปคัดสรรค์มาอย่างดีจาก Character Map ซึ่งศิลป์ขนาดที่ว่าอ่านกันไม่รู้เรื่องเลยทีเดียวชื่อ ที่มนุษย์ MSN ประเภทนี้ใช้ก็เช่น "Ś ┬ ŕ ά ỳ Ć ά ┬ ć Ћ Ψ"

ประเภทที่ 5 : ออน MSN ผ่านมือถือ

มนุษย์ MSN ประเภทนี้ชอบออน MSN ผ่านมือถือ แต่พวกเขาเหล่านี้จะไม่ Chat หรือยินดีอยากให้มีคนทักมาหาเลย เพราะเวลาเปิดดูข้อความ/ส่ง MSN ผ่านมือถือมันต้องเสียตังค์..... อีกเหตุผลนึงก็คือในมือถือมันพิมพ์ยาก+มันไม่แสดงผลชื่อเป็นสีหรือตัวหนาบาง ทำให้ชื่งคนที่ส่งข้อความมานั้นยาวเหยียด.....ก็มันไม่มี MSN Plus นี่นา

ประเภทที่ 6 : ออน 24 ชม.

พวก เค้าคือมนุษย์ MSN อย่างแท้จริงหากพวกเค้ายังมีชีวิต หากพวกเค้าต่อเน็ท จะต้องออน MSN เสมือนว่าชั้นยังมีตัวตนชั้นยังไม่หายไปไหน เมื่อคุณออน MSN ทุกครั้งคุณจะเห็นพวกเขาเหล่านี้ Online อยู่ใน List คุณเสมอๆจนน่ากลัว....ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย ค่ำ จนถึงตี 4 ตี 5 ยันเช้าเลยก็มิปาณ แต่พวกเขาจะอยู่หน้าคอมรึเปล่าก็อีกเรื่องนึง

ประเภทที่ 7 : Busy ทั้งชาติ

ประเภท นี้จะต่างกับ Away ก็ตรงที่พวกเค้าอาจจะทำอะไรที่เป็น Full Screen อยู่ซึ่งระบบจะขึ้น Busy ให้อัตโนมัติ (ถ้าตั้งค่าเอาไว้) ทักหาพวกเขาไปก็จะไม่ตอบกลับรึอาจจะตอบกลับมาว่า"ไม่ว่างเล่นเกมอยู่" ซึ่งนี่คือเหตุผลหลักๆของมนุษย์ MSN ประเภทนี้

ประเภทที่ 8 : สบถ/บ่น อย่างเดียว

เหมือน กับชื่อประเภทที่กล่าวมาคือมนุษย์ MSN ประเภทนี้จะตั้งชื่อ MSN ไว้ระบายความเครียดบ่นรึสบถเพียงอย่างเดียว แล้วออนให้ชาวบ้านเห็นซึ่งเวลาที่เห็นชื่อมนุษย์ประเภทนี้ใน List รายชื่อจะชวนให้รู้สึกแย่/รำคาญ ได้ไม่มากก็น้อย และถ้าหากทักไปขณะที่พวกเขาใช้ชื่อแบบนี้อยู่ คุณอาจจะโดนพวกเค้าสบถ/บ่นกลับมอย่างทันควัน เพราะขณะนั้นพวกเค้าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

ประเภทที่ 9 : Chat กระจาย คีย์บอร์ดกระเด็น MSN ค้าง

ประเภท นี้เมื่อพวกเขาเข้า M สิ่งที่จะต้องทำคือทักทุกคนที่ขวางหน้าและ Chat อย่างเมามันส์ ในรายชื่อ MSN ของมนุษย์ประเภทนี้จะมีรายชื่อที่ Add ไว้เยอะมากมายไม่ต่ำกว่า 100 รายชื่อ บ้างก็อาจจะมากถึงหลายร้อยเลยทีเดียว ที่มีมากมายขนาดนี้เพราะพวกเค้าพยายามที่จะหาคนคุยด้วยอยู่ตลอดเวลา

ประเภทที่ 10 : หน้าม่อ/หูดำ/หน้าเป็นอลูมิเนียม

ประเภท นี้จะเป็นเฉพาะผู้ชายซะส่วนใหญ่และพวกนี้จะไม่ต่างจากประเภทที่ 9 เท่าไหร่นัก ต่างกันตรงที่ แทนที่พวกเขาจะ Chat แต่กลับเป็นม่อแทน พวกนี้จะหมายหา Mail ของผู้ ญ เท่านั้น ในรายชื่อพวกเค้าแทบจะไม่มีผู้ชายเลย ซึ่งเมื่อทักไปหาคนพวกนี้แล้วถามว่าได้ Mail มายังไง พวกเค้าก็มักจะตอบว่า"ได้มาจากใน Exteen กั๊บ" , "ในบอร์ดกั๊บ" , "เพื่อนให้มากั๊บ" ซึ่งชะตากรรมพวกนี้จะจบลงด้วย"Block and Delete"

ประเภทที่ 11 : Infecter !!! (ตัวแพร่เชื้อโรค)

ประเภท นี้อันตรายกว่าประเภทที่ 10 มาก เพราะพวกเค้าเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นพวกใช้คอมฯไม่เป็นรึไม่ก็เสพติดการเปิด เว็ปโป๊ จนทำให้ Spyware และ Virus หมักหมมอยู่ในตัวเครื่องจนมันแพร่ออกมาทาง MSN ของพวกเค้าคอยส่งความรำคาญให้ชาวบ้านแบบสุดๆ ชะตากรรมไม่ได้ต่างไปจากประเภทที่ 10 คือ "Block and Delete"

ประเภทที่ 12 : ปัญญาอ่อนในโลก Cyber (Cyber Syndrome)

ประเภท นี้เป็นประเภทที่สื่อสารได้ยากมากที่สุด พวกเค้าเหล่านี้ไม่มีความสามารถในการเขียนหรือพิมพ์แต่อย่างใดใน MSN หรือในโลกของจอมอนิเตอร์เลยเสมือนบุคคลพิการทางสมองก็มิปาน ถามไปก็ตอบไม่เป็นศัพท์ ไม่ได้ความ คนละเรื่อง จนต้องใช้วิธีโทรศัพท์ไปคุยแทน แต่จริงๆ แล้วก็เป็นคนปกตินี่แหละ?

ประเภทที่ 13 : นักปราชญ์

ถ้า ได้อ่านชื่อ MSN ของคนประเภทนี้คุณจะตรัสรู้เป็นพระอรหันต์เลยก็มิปาณ เพราะชื่อ MSN ของพวกเค้าเหล่านี้จะเป็นปรัญญาหรือคำคม คติธรรม อุดมการณ์ไปซะหมด

ประเภทที่ 14 : มือใหม่หัดเล่น MSN

ก็อย่าง ที่ชื่อบอกพวกเค้าจะทำอะไรไม่ค่อยเป็นไม่ว่าจะส่งไฟล์ แชร์ไฟล์ แชร์ไวท์บอร์ด เปิดเว็ปแคมฯลฯ เพราะพวกเค้าส่วนมากจะไม่ใช่คนที่เล่นคอมฯเป็นชีวิตหรือเป็นคนที่พึ่งหัด เล่นคอมฯ จึงไม่ค่อยเข้าใจการพูดจาหรือสังคมในเน็ทมากนัก แล้วที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือพวกเค้าเหล่านี้ยังไม่มีสัมมาคาราวะเท่าที่ควร เพราะพวกเค้าส่วนมากคิดว่าการที่เค้าพิมพ์ผ่านจอมอนิเตอร์กับการพูดคุยกันใน โลกของความจริงมันต่างกันจึงพูดจาไม่ค่อยมีมารยาทนัก เช่น รู้ว่าคุยกับรุ่นพี่ก็ยังพูด "เออ" , "รู้แล้ว" พูดจาไม่มีหางเสียงเป็นต้น

ประเภทที่ 15 : เกรียน

ประเภท สุดท้ายนี้ไม่อยากจะให้คำจำกัดความให้ปวดหัวเพราะทุกคนรู้กันดีอยู่ แล้ว.....ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ได้ Mail ของพวกเราชาวมนุษย์ไป Add ได้อย่างไร.....

คุณเป็นประเภทไหนกันล่ะ...อิอิ

คุณเป็นคนโสดแบบไหน?


โสดประเภทนี้มีแต่ความหวังดี (มาก) และพร้อมที่จะเสียสละเพื่อคนที่รักตลอดเวลา แม้ตัวเองจะเจ็บช้ำแค่ไหนก็ยอม ขอแค่ให้เขาหรือเธอมีความสุขก็พอ (โห... เจ้าชาย/นางฟ้า ตัวจริง) ลักษณะเด่นของคนโสดกลุ่มนี้คือ รักกี่ทีก็ช้ำ เพราะมัวแต่เป็นคนดี (ไม่ดูตาม้าตาเรือ)คนโสดประเภทนี้ เขาจะมีเพลงประจำตัว คือ เพลงคนดีไม่มีที่อยู่ ของ POTATO

โสดเจียมตัว

โสดประเภทนี้ เป็นคนดีอีกแบบ (แต่น้อยกว่าข้อแรก) ดีแบบเจียมเนื้อเจียมตัว มองตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าอยู่ตลอดเวลา ไม่หวังอะไรมากมาย ขอแค่เป็นจุดหนึ่งเล็กๆ เท่าตับมดที่ได้รักเธอก็พอ (อะไรจะเล็กขนาดนั้น... 555) คนโสดกลุ่มนี้ มีเพลงประจำตัว คือ คนเจียมตัวของ SO COOL

โสดโดนสาป

โสด ประเภทนี้มองชีวิตว่ามีกรรม ฟ้าดินกลั่นแกล้ง สวรรค์ไม่มีตา เทวดาสาปส่งให้ไม่มีคนรัก ไม่มีคนสนใจ (โห... ชีวิตรันทดสุดๆ อ่ะ) มีรักเก็บกักตุนไว้เต็มหัวใจ แต่ไม่มีใครต้องการ(แงๆ เศร้าจริงๆ) เพลงประจำตัวคนโสดประเภทนี้ คือ คนไม่มีแฟน ของ เบิร์ด ธงไชย

โสดปากแข็ง

โสด ประเภทนี้ชอบทำตัวเหมือนไม่เดือดร้อน ไม่มีใครรักก็ไม่เป็นไร ฉันอยู่ของฉันได้อย่างสบายๆ ไม่แคร์ใคร (แต่ใครจะรู้บ้างว่าในใจน่ะว้าเหว่มากๆ แถมร้องตะโกนเรียกหาใครบางคนอยู่) คนกลุ่มนี้มี เพลงประจำตัว คือ ความลับ ของ พอส

โสดอาฆาต

โสด ประเภทนี้มีความอาฆาตพยาบาทสูง รักแรง เกลียดแรง แถมยังแค้นแรงอีกต่างหาก(ใครทำฉันเจ็บ จากไปอย่าได้หวังว่าจะมีความสุข เพราะฉันจะตามสาปส่งพยาบาททุกชาติไป) คนกลุ่มนี้มี เพลงประจำตัว คือ ขวากหนาม ของ HYPER
โสดใฝ่สูง

โสดประเภทนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับ โสดเจียมตัว เพราะมีนิสัยและการมองโลกที่ตรงข้ามกันมีความทะเยอทะยาน ฝันสูง ถือคติความรักไม่ใช่เรื่องไกลตัว เธอหรือเขาอยู่สูงแค่ไหนก็ต้องเอื้อมมาให้ได้ แม้จะถูกคนในสังคมส่วนใหญ่มองว่าเป็นหมาวัดที่ชอบเด็ดดอกฟ้าก็ย อมเพลงประจำตัวคนโสดประเภทนี้ คือ หมาเห่าเครื่องบิน ของ โลโซ

โสดเจ็บแล้วต้องจำ

โสด ประเภทนี้เป็นพวกเข็ดขยาดกับความรัก เพราะเคยมีประสบการณ์ที่เจ็บปวด (อกหัก/ถูกทิ้ง) ก็เลยถือคติเจ็บแล้วต้องจำ จะไม่ช้ำ ไม่รักใครอีกแล้ว ขออยู่เป็นโสดไปจนตาย (ปิดกั้นตัวเองซะยั่งงั้น) เพลงประจำตัวโสดประเภทนี้ คือ เพื่อนกับแฟนแทนกันไม่ได้ของ เล้าโลม

โสดมั่นใจ

โสด ประเภทนี้มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง (มาก) สามารถพลิกผันสถานการณ์ “อกหัก” ให้เป็น “ทางเลือก” ได้ ประมาณว่า ดีแล้วที่เลิกกันไป ฉันจะได้มีโอกาสมองคนใหม่ที่ดีกว่านี้(ถึงจะเป็นโสดก็ไม่เป็นไร ฉันมั่นใจ ฉันไม่ผิด) เพลงประจำตัว คือ ไม่เดือดร้อน ของ Calyn

โสดพยายาม

โสด ประเภทนี้มีเป้าหมายชัดเจนว่าไม่อยากเป็นโสด ฉะนั้นจึงมีความพยายาม กระตือรือร้นและลงมือทำเพื่อให้พ้นจากสถานะ “โสด” โดยเร็ว ถือคติไม่ลงทำมือก็ไม่ได้มา (แต่ยังไม่เข้าข่ายเกินงาม) เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ของโสดกลุ่มนี้เป็น สาวยุคใหม่ มีความมั่นใจพอตัว เพลงประจำตัว คือ ผ้าเช็ดหน้า ของ ไทรอัมพส์คิงดอม

โสดยังหวัง

โสด ประเภทนี้มีความหวังเป็นแรงบันดาลใจ ถือคติชีวิตนี้ไม่สิ้นหวัง ชอบการรอคอยค้นหาวันนี้ไม่เจอไม่เป็นไร พรุ่งนี้ยังไหว... รอได้ๆ แต่มีความพยายามไม่เท่ากลุ่มก่อนหน้านี้ ไม่ชอบการลงมือปฏิบัติ แต่ชอบตั้งหน้าตั้งตารอคอย (กี่ชาติผ่านไป ไม่เคยสิ้นหวัง!!) สำหรับเพลงประจำตัว คือ คนที่ไม่เข้าตา ของ Calories – Blah Blah

คนไทยฉลาดกว่าคนฝรั่งเยอะ‏


Womens Running Shoes Cheap Running Shoes Clearance Running Shoes Running Shoes Running Shoes Running Shoes Women Running Shoes Motion Control Running Shoes Good Running Shoes Running Shoes Barefoot Running Shoes Running Shoes Running Running Shoes Running Shoes Running Shoes Elite Running Shoes Lightweight Running Shoes Men's Running Shoes 11.5 Clearance Custom Running Shoes Running Shoes Inserts For Running Shoes Mens Running Shoes Running Shoes Running Shoes Types Of Running Shoes Women Running Shoes Running Shoes Running Shoes Stability Running Shoes The Best Running Shoes Top Running Shoes Wide Running Shoes Math Worksheets Students Math Printable School Kids Kids 4th Grade Preschool Elementary Activities Kindergarten Middle School Thrid Grade Practicing First Grade Worksheets Math School Division

+++มีคนไทยอยู่ 1 คน พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ
+++ได้ทำงานในบริษัทซึ่งเป็นของต่างชาติ
+++ในทุกวันเขาก็ทำงาน เหมือนเดิมทุกวัน แต่....

**มีอยู่มาวันหนึ่ง เขาได้เข้าห้องน้ำในบริษัทแล้วไปเจอ
คนฝรั่ง2 คน อยู่ในห้องน้ำ
ซึ่งกำลังล้างมือ หลังจาก ฉี่เสร็จ
และพอฝรั่ง 2 คนนั้นเห็นคนไทย ทั้ง2คน
จึงคุยข่มคนไทย ว่า....

ฝรั่งคนที่ 1 "นายเรียนจบที่ไหนว่ะ"
ฝรั่งคนที่ 2 "เราเรียนจบที่ OXFORD "
(ทันใดนั้น ฝรั่งคนที่ 2 ก็ควักน้ำล้างมือมาถึงข้อศอก)

ฝรั่งคนที่ 1 เห็นก็งงแล้วถามว่า
"ทำไมต้องล้างมือถึงข้อศอกด้วย"

ฝรั่งคนที่ 2 ตอบว่า " ที่อังกฤษเขาสอน
ให้ล้างอย่างนี้ เพราะ ตอนฉี่
ฉี่อาจกระเด็นมาถึงแขนก็ได้ ต้องระวังไว้ก่อน"

(ทันใดนั้น ฝรั่งคนที่1 ก็ควักน้ำมาล้างมือ
เฉพาะ ที่มือ แล้วหาไม้มา แคะขี้เล็บออก)

ฝรั่งคนที่ 2 เห็นก็ถามว่า " นายจบจากที่ไหน"
ฝรั่งคนที่ 1 ตอบว่า "เราจบจาก STAMFORD
ที่นั่นเขาสอนให้ล้างมือเฉพาะที่สกปรก
แล้วก็ แคะขี้เล็บออก เพื่อป้องกันเชื้อโรค"

ฝรั่ง 2 คนเห็นคนไทยฉี่อยู่
พอคนไทยฉี่เสร็จ ก็เดินออกจาก ห้องน้ำเลย
ฝรั่งทั้ง 2 คนเห็นก็ตกใจว่าทำไมไม่ล้างมือ
เลยวิ่งไปถามคนไทย ว่า "นายจบจากไหน
ทำไมถึงไม่ล้างมือ"

คนไทยตอบว่า
"จบราม รามไม่สอนให้ฉี่รดมือตัวเอง"


คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เทพจริง ๆ 55+

9 คำถามที่จะทำให้ชีวิตการงานของคุณดีขึ้น


9 ข้อต่อจากนี้ คือ สิ่งที่คุณควร (กล้า) ถามหัวหน้างานเพื่อให้โอกาสในการทำงานของคุณเปิดกว้างและขับเคลื่อนไปได้โดย สะดวก แต่แนะนำว่าอย่าถามคำถามทั้ง 9 ข้อในเวลาเดียวกัน (เพราะเจ้านายอาจไม่มีเวลาตอบได้หมด)

1. เจ้านายวัดความสำเร็จของการทำงานจากอะไรและอย่างไร
บ่อย ครั้งที่พนักงานหรือลูกน้องหลงลืมไปว่า ผลงานของตัวเองจะถูกประเมินหรือวัดความสำเร็จจากอะไร ทางที่ดีควรเตือนตัวเองเป็นระยะ รวมถึงไม่รีรอที่จะถามเจ้านาย เพื่อคุณจะได้จัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้น ตลอดจนเลือกวิธีการทำงานให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดที่จะ ทำต่อไปได้อย่างถูกต้อง

2. ถ้าอยากจะก้าวหน้าในหน้าที่การงาน คุณต้องพัฒนาขอบข่ายงานส่วนไหนบ้าง
เพราะ คงปฎิเสธไม่ได้ว่าเจ้านายหรือหัวหน้างานเป็นผู้กำอนาคตส่วนหนึ่งของคุณอยู่ คุณควรทำความเข้าใจกับเจ้านายให้ชัดเจนว่าเป้าหมายที่เจ้านายคาดหวัง ขณะเดียวกันถ้าคุณมีเป้าหมายของตนเองก็ควรนำมาปรึกษาคุณคืออะไร เจ้านายคงพอจะให้คำตอบแก่คุณได้ว่าขอบข่ายการทำงานในส่วนใดบ้าง ที่จะทำให้คุณไปถึงฝั่งฝัน

3. เจ้านายพอใจหรือต้องการให้คุณแก้ไขการทำงานอย่างไรบ้าง
อย่า กังวลกับจุดด้อยของตัวเองจนเกินไป หันมามองจุดแข็งที่คุณมีแล้วพยายามทำให้เป็นจุดเด่น จนกลบข้อด้อยไปเลยก็ยิ่งดี บางทีเจ้านายอาจมีมุมมองและความคิดเห็นที่แตกต่างจากคุณก็ได้ อีกอย่างคำถามข้อนี้ยังเป็นโอกาสดีที่จะแสดงให้เจ้านายของคุณเห็นว่า คุณมีความตั้งใจมุ่งมั่นในการทำงานขนาดไหน

4. มีการประเมินผลงานของพนักงาน (เช่นคุณ) บ่อยครั้งแค่ไหน และใครเป็นคนประเมิน
คำ ถามที่ดูแสนจะธรรมดาแต่สำคัญนักเชียว เพราะคำตอบจะทำให้คุณเห็นภาพว่ากลวิธีไหนที่สำคัญสุดในการทำโปรเจคท์งานแต่ ละอย่าง รวมถึงสามารถวางเป้าหมายการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาในการประเมิน งานของผู้ประเมิน ให้คุณทำงานในแต่ละวันได้อย่างสมดุลและคุ้มค่าเหนื่อยด้วย

5. ปัจจัยที่จะทำให้คุณมีโอกาสก้าวหน้าในบริษัทนี้ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
เมื่อ ทำงานไปได้สัก 2-3 ปี การกลับมาตั้งคำถามนี้อีกครั้งกับเจ้านายนั้นถือเป็นเรื่องดี เพราะเมื่อเวลาผ่านไป โครงสร้างของบริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลง คุณก็ควรจะปรับแผนการทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายมากขึ้น

6. ย้อนถามตัวเองว่าเข้าใจงานที่ทำถูกต้องแล้วหรือไม่
โดย เฉพาะเวลาทำงานที่ต้องประสานงานกับหลายๆ ฝ่าย ควรมั่นใจว่าคุณเข้าใจโปรเจคต์นั้นๆ อย่างถ่องแท้ รวมถึงควรเช็คความเข้าใจในเรื่องนี้กับเจ้านายด้วย แต่มีข้อควรระวังอยู่เหมือนกันว่า : อย่าใช้คำถามเชิงลบเช่น "ผม/ดิฉันไม่เข้าใจเรื่องนี้" หรือ "ผม/ดิฉันคิดว่าวิธีการทำงานส่วนนี้ยังไม่ชัดเจน" ฯลฯ ควรใช้ความอดทนอดกลั้นกับคำถามนี้ เพราะอาจทำให้เจ้านายรู้สึกว่าคุณกำลังต่อว่าวิธีมอบหมายงานให้ลูกน้องของ เขา ทางที่ดีควรถามไปในทำนองว่า "ที่ดิฉัน/ผมทำมานี้ถูกต้องตามที่เจ้านายต้องการหรือไม่" หรือ "เจ้านายอยากให้เพิ่มเติมอะไรอีกหรือเปล่า" จะดีกว่า

7. เจ้านายต้องการให้คุณช่วยเรื่องใดหรือไม่
แม้ ว่าบางครั้งคุณอาจช่วยอะไรไม่ได้เลย แต่เจ้านายจะระลึกถึงความเป็นคนมีน้ำใจของคุณไว้เสมอ เพราะตำแหน่งหัวหน้าอาจทำให้เจ้านายต้องโดดเดี่ยวและไม่ยอมสุงสิงกับลูกน้อง ง่ายๆ เพื่อป้องกันเสียงครหาว่าลำเอียง ฉะนั้นเมื่อใดที่คุณถามคำถามนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าคุณอาจเป็นคนแรกๆ ที่เจ้านายจะนึกถึง ข้อควรระวังคือ อย่าถามพร่ำเพรื่อจนเกินงาม มิฉะนั้นคุณอาจโดนเพ่งเล็งว่ากำลังเลียขาเก้าอี้เจ้านายได้

8. สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ ...
พนักงาน บางคนไม่กล้าถามคำถามนี้ เพราะอาจทำให้ดูเหมือนไม่รู้วิธีจัดลำดับความสำคัญของงานที่จะทำก่อนหลัง แต่ในทางตรงข้าม นี่เป็นคำถามที่จะสะท้อนถึงความใส่ใจและความรับผิดชอบต่องานของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่คุณมีงานอยู่ในมือหลายโปรเจคท์และหัวหน้างานยัง คิดจะมอบหมายงานอีกชิ้นให้คุณ แต่เชื่อเถอะว่าเจ้านายยินดีจะฟังเสียงสะท้อนจากลูกน้อง เพื่อให้งานลื่นไหลและประสบผลสำเร็จโดยเร็วที่สุด

9. ผม/ดิฉันของเสนอตัวรับงานนี้จะได้ไหม
บาง ครั้งเจ้านายก็มีตารางงานที่วุ่นวายจนลืมนึกถึงเรื่องของลูกน้อง ฉะนั้นอนาคตจึงเป็นสิ่งที่คุณต้องไขว่คว้าด้วยตัวเอง ทั้งการมองหางานใหม่ๆ ที่จะเสริมทักษะด้านต่างๆ ที่คุณยังขาดอยู่ การเสนอตัวช่วยงานเจ้านาย ก็เป็นอีกวิธีที่จะเพิ่มประสบการณ์ให้กับตัวคุณเองได้เร็วและดีที่สุด

สิ่งที่เรียนรู้เมื่ออายุปูนนี้ของ โน้ส อุดม !!!


โลกใบนี้มีสิ่งที่เราไม่รู้อีกมากมาย แต่บางครั้งเราก็มองข้ามเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเราไป วันนี้
นมอุโด้ส จะมาบอกถึง สิ่งที่เรียนรู้เมื่ออายุปูนนี้ รับรอง สุหนัดแน่ๆ!!


1. มนุษย์ต้องการสิ่งที่ตนเองไม่มี
2. เวลาที่เราวิ่งมารับโทรศัพท์จากที่ไกลๆ เมื่อถึงโทรศัพท์ เสียงมันมักจะหยุด เราจะช้าไป
1 จังหวะเสมอ
3. ถ้าแอบรักใคร อย่าฝากใครไปบอก บอกด้วยตัวเองจะดีกว่า
4. เวลาสั่งอาหารไว้นานแล้วยังไม่ได้สักที ให้พูดว่าไม่เอา จะได้เร็ว
5. ถ้าเรียกเก็บเงินแล้วไม่มีใครมาเก็บเสียที ให้ลุกขึ้นทำท่าจะกลับทั้งโต๊ะ จะมีพนักงานพุ่ง
มาทันที
6. ปลูกต้นลั่นทมไว้หน้าบ้าน ไม่เกี่ยวอะไรกับความทุกข์ระทมของตัวเราเลย
7. ระวังคนขายโรตี ที่เพิ่งเดินออกมาจากป่าละเมาะ พุ่มไม้ ซอกตึก อย่าตัดสินใจซื้อจน
กว่าเขาจะล้างมือ
8. ไม่มีสัจจะในร้านตัดเสื้อ
9. ระวังคนที่แสดงออกว่าเป็นคนดีมากๆ
10. อย่าซื้อทุเรียนมาปอกเอง
11. หนังสือดี คือหนังสือที่เราชอบอ่าน หนังดีคือ หนังที่เราชอบดู
12. อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เรานินทามากๆ อย่าลืมย้ำบ่อยๆ ว่าอย่าบอกใครนะ
13. อย่าทิ้งกระดาษชำระไว้ในชามก๋วยเตี๋ยว คนล้างจะเสียความรู้สึก
14. เรียกยามว่าซีเคียวรีตี้ การ์ด ยามจะตั้งใจโบกรถ
15. อย่าซื้ออะไรที่ต้องเอามาซ่อมต่อ
16. รถในเมืองไทยพวงมาลัยอยู่ทางขวา แต่ฝาน้ำมันไม่อยู่ขวาเสมอไป
17. ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนไม่ต้องเอายาสีฟันไปก็ได้ ยังไงเพื่อนต้องมี
18. ตลาด อ.ต.ก. มาจากคำว่า เอเวอรี่ติง เกินราคา
19. เวลาดูหนังโรง ควรจำว่ากระปุกน้ำอยู่ด้านไหน
20. ตัดผมวันพุธได้ ไม่บาป
21. คนไม่กินเนื้อ ไม่ได้แปลว่าเป็นคนดีเสมอไป
22. เวลาบ้วนน้ำยาลิสเตอรีนออกจากปาก ให้หลับตาด้วย
23. ปูอัด มันทำจากปลา
24. กินก๋วยเตี๋ยวจากตะเกียบไม้อร่อยกว่า
25. อย่าไปจ่ายตลาดเวลาหิว เราจะซื้อมาเยอะเกินจำเป็นเสมอ
26. ในโลกนี้จะชอบมีคนมาทักอยู่ 2 ประเภทเท่านั้น ประเภทแรก อ้วนขึ้นนะ กับประเภท
ที่ 2 ผอมลงนะ ไม่มีใครเข้ามาทักว่าปกติดีนี่ไปทำอะไรมา
27. คนที่เอาหมวกตำรวจ หรือชุดตำรวจแขวนไว้หลังรถมิใช่เพราะบ้านเค้าไม่มีตู้ เค้าไม่ได้
ลืม เค้าแค่กลัวคนไม่รู้ว่าเขาทำอาชีพอะไร
28. คนที่มีรถทะเบียนเลขเดียวเรียงติดกันหลายๆ ตัว เป็นคนธรรมดาเหมือนกับเรา
29. คนที่มีความรู้มากๆ เขามักจะใช้ความรู้ขังจินตนาการ
30. ฟู่ฟ่าเดี๋ยวก็วาย เรียบง่ายอยู่ได้นาน
31. จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา
32. เวลาที่เปิดหนังสือให้เพื่อนดู หน้าที่ตัวเองพูดถึงมักจะหาไม่เจอ
33. ขนมและน้ำในโรงหนัง จะแพงกว่าข้างนอก
34. ห้องน้ำผู้หญิง ผู้ชายเข้าไปดูเป็นพวกโรคจิต ห้องน้ำผู้ชาย ผู้หญิงเข้ามาดูเป็นแม่บ้าน
35. เวลารถติด เลนอื่นมักไปได้เร็วกว่าเลนเราเสมอ
36. ถ้าเราขับรถไม่ทันไฟเขียวเป็นคันสุดท้าย ให้คิดว่าเดี๋ยวเราจะได้ไปเป็นคันแรก
37. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า นี่เพื่อนฉัน หมายความว่า แฟนฉัน
38. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า นี่แฟนฉัน หมายความว่า ผัว/เมียฉัน

36 ข้ิอคิดชีวิต หยินและหยาง


1.ขอบคุณข้าวทุกเม็ด น้ำทุกหยด อาหารทุกจานอย่างจริงใจ
2.อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใด นอกจาก ปัญญาและ ความกล้าหาญ
3.เพื่อนใหม่ คือของขวัญที่ให้กับตัวเอง ส่วน เพื่อนเก่า คือ อัญมณีที่นับวันจะเพิ่มคุณค่า
4.อ่านหนังสือธรรมะปีละเล่ม
5.ปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา
6.พูดคำว่า ขอบคุณ ให้มากๆ
7.รักษา ความลับ ให้เป็น
8.ประเมินคุณค่าของการ ให้อภัย ให้สูง
9.ฟังให้มากแล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี
10.ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง หากมีใครตำหนิ และรู้แก่ใจว่าเป็นจริง
11.หากล้มลง จงอย่ากลัวกับการลุกขึ้นใหม่
12.เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนัก คิดเสมอว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว
13.อย่าถกเกียงธุรกิจภายในลิฟต์
14.ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อก่อหนี้สิน
15.อย่าหยิ่งหากจะกล่าว ขอโทษ
16.อย่าอายหากจะบอกใครว่า ไม่รู้
17.ระยะทางนับพันกิโลเมตร แน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง
18.เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่างๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป
19.การประหยัดเป็นบ่อเกิดแห่งความร่ำรวย เป็นต้นทางแห่งความไม่ประมาท
20.คนไม่รักเงิน คือคนไม่รักชีวิต ไม่รักอนาคต
21.ยามทะเลาะกัน ผู้ที่เงียบก่อนคือผู้ที่มีการอบรมสั่งสอนที่ดี
22.ชีวิตนี้ฉันไม่เคยได้ทำงานเลยสักวัน ทุกวันเป็นวันสนุกหมด
23.จงใช้จุดแข็ง อย่าเอาชนะจุดอ่อน
24.เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด
25.เหรียญเดียวมีสองหน้า ความสำเร็จ กับ ล้มเหลว
26.อย่าตามใจตัวเอง เรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นล้วนตามใจตัวเองทั้งสิ้น
27.ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ส่วนลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน
28.อย่าดึงต้นกล้าให้โตไวๆ (อย่าใจร้อน)
29.ระลึกถึงความตายวันละ 3 ครั้ง ชีวิตจะมีสุข มีอภัย มีให้
30.ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด กระดุมเม็ดต่อๆไปก็ผิดหมด
31.ทุกชิ้นงานต้องกำหนดวันเวลาแล้วเสร็จ
32.จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด
33.ดาวและเดือนที่อยู่สูง อยากได้ต้องปีน บันไดสูง
34.มนุษย์ทุกคนมีชิ้นงานมากมายในชีวิต จงทำชิ้นงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ
35.หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านหนังสือเดือนละเล่ม
36.ระเบียบวินัย คือ คุณสมบัติที่สำคัญในการดำเนินชีวิต

โรคระบาดอันดับ 1 ของผู้หญิง‏


"โรคงอน" เป็นโรคระบาดที่ร้ายแรง
ติดต่ออย่างรวดเร็วขยายตัวเป็นวงกว้างในแนวราบ
ยังไม่พบวัคซีนหรือยารักษา
ผู้ป่วยมีอาการ “หน้างอ”


และบางรายที่อาหารหนักจะมีอาการหน้าดำ
แทรกซ้อนด้วย หูแข็ง
ฟังอะไร ขัดหูขัดใจไปหมด
ตาขวาง น้ำลายไหลเล็กน้อยพองาม
ยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอน ว่าผู้ใดนำเชื้อมาปล่อย
โรคนี้ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูง มือไม้สั่น
ผู้ป่วยที่อาการหนักอาจถึงขั้นชักดิ้นชักงอ


การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ควรสังเกตอาการผู้ป่วย ว่างอนอยู่ในระดับไหน
ถ้างอนน้อยๆ ให้รีบง้อ
ผู้พบเห็นทั่วไปควรเอาใจใส่ต่อผู้ที่ติดเชื้อในระยะเริ่มแรก
จะทำให้อาการไม่ลุกลาม และสามารถรักษาหายได้


สำหรับผู้ป่วยที่อาการหนัก
ผู้ง้อ ควรได้รับการฝึกสอนและเป็นผู้ชำนาญการง้อเป็นพิเศษ
เพราะผู้ป่วยจิตใจอ่อนแอ เปราะบางแตกหักง่าย
ต้องการความเอาใจใส่


หลังได้รับการรักษาผู้ป่วยที่หายแล้ว
ยังสามารถอาการกำเริบได้ทุกเวลา
ผู้ใกล้ชิดต้องให้ความรักและความเข้าใจ
หากความรักและความเข้าใจลดน้อยลงเมื่อไหร่ อาการงอนจะกำเริบ


หมายเหตุ
พบ มากในกลุ่มคนที่มีความสวย และความน่ารัก สำหรับผู้ไม่สวยและไม่น่ารัก จะเรียกอาการเดียวกันนี้ว่า น่าเบื่อ น่ารำคาญ จะปล่อยไปตามยถากรรม ไม่มีการปฐมพยาบาลใดๆ ทั้งสิ้น
จนกว่าอาการจะหายหรือตายไปเอง..

สมการที่แท้จริง Real Factor‏


ROMANCEMATHEMATICS
Smart man + smart woman = romance
ผู้ชายเท่ห์ + ผู้หญิงเก่ง = ความ โรแมนติก

Smart man + dumb woman = affair
ผู้ชายเก่ง + ผู้หญิงโง่ = ความใคร่ *

Dumb man + smart woman = marriage
ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงเก่ง = การแต่งงาน
Dumb man + dumb woman = pregnancy
ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงโง่ = ตั้ง ท้อง **

* OFFICE ARITHMETIC *
Smart boss + smart employee = profit
เจ้านายเก่ง + ลูกน้องเก่ง = กำไร **
Smart boss + dumb employee = production
เจ้านายเก่ง + ลูกน้องโง่ = ผล ผลิต **
Dum! b boss + smart employee = promotion
เจ้านายโง่ + ลูกน้องเก่ง = เลื่อน ตำแหน่ง
Dumb boss + dumb employee = overtime
เจ้านายโง่ + ลูกน้อง โง่ = OT อย่าง เดียว **

* SHOPPING MATH *

A man will pay $2 for a $1 item he needs.
ผู้ชายจ่าย 2 บาท ต่อ ของ 1 ชิ้นที่เขาต้องการ

A woman will pay $1 for items that she doesn't need.
แต่ ผู้หญิง จ่าย 1 บาท ต่อ ของหลายๆชิ้น ที่เธอไม่ต้อง การ **

* GENERAL EQUATIONS & STATISTICS *

A woman worries about the future until she gets a husband.
ผู้หญิงจะกังวลเกี่ยวกับอนาคตจนกว่าจะ มีสามี **
A man never worries about the future until he gets a wife.
แต่ ผู้ชายไม่เคยกังวลเลยเกี่ยวก ับอนาคตเลยจนกระทั่งมีภรรยา **
A successful man is one who makes more money than his wife can spend.
ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาเงินได้มากกว่าที่ภรรยาใช้ **
A successful woman is one who can find such a man.
แต่ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาสามีได้อย่างคนข้างบน **

* HAPPINESS *

To be happy with a man, you must understand him a lot and love him a little.
การจะมีความสุขกับผู้ชายคนนึง คุณจะต้องเข้าใจเค้ามากๆ แต่รักเค้า น้อยๆ
To be happy with a woman, you must love her a lot and not try to understand her at all.
การจะมีความสุขกับผู้หญิงคนนึง คุณต้องรักเธอมากๆ และไม่ต้องพยายามอะไรในตัวเธอ ทั้งสิ้น **

* LONGEVITY *

Married men live longer than single men do, but married menare a lot more willing to die.
ผู้ชายที่แต่งงานแล้วจะมีอายุยืนกว่าชายโสด แต่ชายที่แต่งงานแล้วกลับ เต็มใจเลือกที่จะตายมากกว่าอยู่ **

* PROPENSITY TO CHANGE *
A woman marries a man expecting he will change, but he doesn't. **
ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายคนนึงและหวัง ว่าจะเปลี่ยน แปลงเค้าได้ แต่ผู้ชายไม่ เปลี่ยน*
A man marries a woman expecting that she won't change, and she does. **
ส่วน ผู้ชายแต่ง งานกับผู้หญิงและหวังว่าเธอคงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เธอก็ เปลี่ยน **

* DISCUSSION TECHNIQUE *
A woman has the last word in any argument.
ผู้หญิงมักมี คำพูดสุดท้ายในการโต้เถียง
Anything a man says after that is the beginning of a new argument.
แต่อะไรก็ตามที่ผู้ชายพูดออกมาต่อจากนั้น จะเป็นการเริ่มการโต้เถียง ครั้งใหม่ *


50 ความจริงโฆษณาไทย‏

1. ถ้าโฆษณาไหนต้องใช้โน้ตบุ้กประกอบฉาก มันจะต้องเป็น Macbook เท่านั้น

2. คุณแม่ใจดีในโฆษณาผงซักฟอกไม่มีจริงในโลก เพราะแม่ตัวจริงเจอลูกทำเสื้อเลอะแบบที่เห็นในโฆษณา อีตัวลูกโดนตบนมแตกตายตั้งแต่ก่อนเข้าบ้านแล้ว

3. โฆษณาของหน่วยงานของรัฐฯ มักจะดูเสล่อๆ

4. ขนมในโฆษณาขนมกุ๊บกิ๊บทั้งหลาย มันจะตัดปากถุงซะเรียบแปล้
ทั้งๆที่ในโลกความจริง ไม่มีใครเขาเอากรรไกรตัดฝากถุงอย่างนั้นซักคน

5. จนป่านนี้แล้ว อียูโรคัสตาร์ดเค้ก มันก็ยังหน้าด้านโฆษณาว่าเค้กมันไส้ไหลล้นทะลักทั้งๆที่ใครๆก็รู้ว่า เมนส์ปลวกยังเยอะกว่าไส้ขนมมันเลย --- สคบ. ช่วยจัดการด้วย

6. โฆษณาการบินไทย ใช้แอร์ดูสาวและสวยมาก แต่ของจริงบนเครื่องนั้นป้าที่สุด!

7. โฆษณาของ Dtac ไม่เคยใช้ดาราดังแสดง

8. หลายบริษัทเอาคนในบริษัทตัวเองนี่แหละ มาเล่นโฆษณาเองซะเลย ประหยัดดี!

9. บางทีเห็นโฆษณาเดียวกันฉายต่อติดๆกัน อันนั้นเขาตั้งใจจริงๆนะครับ

10. โฆษณาท่องเที่ยวไทยที่ป้าเบิร์ดเล่น เฟคมาก นั่นป้าวิ่งเล่นอยู่ในโลกความฝันหรือครับ? ( ฮ่า ๆ )

11. เมืองไทยเคยมีโฆษณาแชมพู ที่นางเอกผมเงาจนสะท้อนหน้าคนบนเส้นผมมาแล้ว!

12. และเมืองไทยก็เคยมีโฆษณาจั๊กกะแร้ขาวถึงขั้นมีแสงพุ่งออกมาจากจั๊กกะแร้มาแล้ว!

13. มีสินค้าหลายตัวที่ดัง และขายดีมาก โดยไม่เคยออกโฆษณาทีวีแม้แต่ครั้งเดียว

14. ห้องครัวในโฆษณาผงปรุงรสต่างๆ ดูดีและสะอาดเกินกว่าห้องความในโลกความจริง

15. ครีมบำรุงผิวสมัยนี้ มีอิทธิฤทธิ์ถึงขั้นใช้แล้วผัวเปลี่ยนพฤติกรรมได้ มหัศจรรย์มั้ยล่ะ!

16. สังเกตดีๆว่า พวกโฆษณาที่อ้างว่า 99% ของผู้ทดลองใช้พอใจ มันจะมีตัวหนังสือเล็กๆบอกว่าจริงๆแล้ว
สำรวจกับคนประมาณ 112 คนในประเทศแถวๆอเมริกาใต้

17. ทำไมเบียร์ต้องได้เหรียญทอง? ตกลงเอ็งจะขายเบียร์หรือไปวิ่งแข่งโอลิมปิก?

18. อีห้องแล๊บของ pond’s ที่เป็นห้องขาวทั้งห้อง ดูแล้วนึกว่าเป็นแล๊บ NASA

19. โฆษณาขนมหลอกเด็ก กล้องจะไม่ตั้งตรงๆ แต่จะหมุนไปหมุนมา ซูมเข้าซูมออกตลอด

20. โฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่ม เวลาดมผ้า จะมีดอกไม้พุ่งออกมาจากผ้าขนหนูทุกครั้ง

21. โฆษณาประตูน้ำโพลีคลินิก เป็นโฆษณาที่อุบาทว์มาก
เพราะทั้งโฆษณาไม่มีอะไรเลย นอกจากตัวหนังสือวิ่งๆ เหมือนใช้ powerpoint ทำ

22. ตัวหนังสือเล็กๆ ใต้จอที่เล็กจนอ่านไม่ออก หลายคนในวงการเรียกว่า “มดวิ่ง”

23. โฆษณาประเภทโปรโมชั่น ตอนจบมักมีคนจำนวนมากยืนกระจุกกัน กำหมัดชูมือ แล้วร้อง “เย้!”

24. โฆษณาเอ็มเค เรียงอาหารในหม้อสุกี้ได้โคตรเฟค มีใครเขากินสุกี้ประดิดประดอยกันแบบนี้ด้วยเหรอ?

25. โฆษณาของบาร์บีคิวพลาซ่าก็เช่นเดียวกัน ใส่ผักในกระทะเยอะเว่อร์! ชั้นไปร้านแกเพื่อกินเนื้อเว้ย!

26. โฆษณาของ “ไทยประกันชีวิต” นั้นโคตรเศร้า...

27. ในขณะที่ โฆษณาของ “เมิองไทยประกันชีวิต” นั้นโคตรฮา...

28. โฆษณาของโค้กจะแอบกัดเป๊ปซี่แบบเนียนๆอยู่เกือบทุกเรื่อง (ลองสังเกตดีๆ ...)

29. โฆษณาน้ำยาล้างจาน จะต้องมีฉากที่เอามือลูบจานแล้วได้ยินเสียง “วื้ด” เพื่อยืนยันความสะอาด

30. โฆษณารถกระบะ จะต้องมีฉากเลี้ยวโค้งหักศอก แอ่งน้ำขังบนพื้นสาดกระจายยยยย

31. โฆษณาเครื่องดื่มบรรจุขวด พรีเซนเตอร์ต้องกระดกขวดเท่านั้น ห้ามใช้หลอดดูดเด็ดขาด!

32. โฆษณาผ้าอนามัยทุกยี่ห้อ ใช้ของเหลวใสสีฟ้าหรือเขียวแทน...เอ่อ... นั่นล่ะครับ

33. มาม่าในชามในโฆษณา จะมีหมูสับลอยฟ่องเป็นแพ พร้อมผักและดอกไม้ใบหญ้าอีกมากมาย

34. โฆษณาไวเทนนิ่ง จะต้องมีฉากที่นางเอกค่อยๆลอกคราบทีละชั้นจากดำเป็นขาว

35. หลายคนคอนเฟิร์มว่าพรีเซนเตอร์ผู้ชายของโฆษณา NIVEA หล่อล่ำลากเลือดมาก...

36. ช่างก่อสร้างในโฆษณาปูนบางยี่ห้อ หน้าตาดีซะจนอยากจะทุบบ้านให้ช่างคนนี้มาซ่อมให้

37. โฆษณาแชมพู มักมีเนื้อเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับแชมพู เช่น นางเอกไปสมัครงาน หรือเล่นคาราเต้ (โดยเฉพาะ แพนทีน ไปสมัครแข่งไวโอลีน )-*-

38. พรีเซนเตอร์ในโฆษณามักใส่เสื้อสีเดียวกับสีของผลิตภัณฑ์นั้นๆ

39. โฆษณาสินค้าทุกประเภทที่เกี่ยวกับการ “ฆ่าเชื้อ” หรือ “ทำความสะอาด” จะต้องมีฉากแบ่งครึ่งจอเพื่อเทียบกันซ้ายขวาเสมอ
(ข้างที่ใช้กับไม่ใช้)

40. และแม้ว่าสินค้านั้นจะฆ่าเชื้อได้สะอาดขนาดไหน เราจะเห็นภาพเชื้อโรคเหลืออยู่หย่อมเล็กๆเสมอ

41. เราจะไม่เห็นขวดเหล้าขวดเบียร์ในโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้แต่ขวดเดียว

42. โฆษณาเดียวกัน ถ้าดูในโรงหนังมันจะได้อารมณ์กว่า เศร้ากว่า ฮากว่าดูที่บ้าน

43. เพลงบางเพลงดังได้เพียงเพราะโฆษณาหยิบมาใช้ (เช่นเพลงในโฆษณาชุด “แม่ต้อย”)

44. โฆษณาประเภท testimonial ที่ให้คนเคยใช้สินค้าออกมายืนยัน บางทีจริงแต่ชื่อ แต่คนแสดงไม่จริง
เพราะหน้าตาตัวจริงน่ากลัวจนกล้องถ่ายไม่ติด ...เอ้ย ไม่ดีพอจะขึ้นกล้องได้ จึงต้องใช้คนแทน

45. โฆษณาน้ำอัดลม คนดื่มแล้วจะต้องร้อง “อ้าหห์” เสมอ

46. มีโฆษณาหลายตัวที่ให้พรีเซนเตอร์เอาสินค้าแนบใบหน้าซะใกล้จนเกินเหตุ

47. ในไทยรัฐหน้าบันเทิง คอลัมน์ “บันเทิงไทยรัฐ” นี่มันโฆษณาเครื่องสำอาง
ชัดๆ!

48. เสียงเคี้ยวขนมในโฆษณามันฝรั่งทอดจะดัง “กร้วม” แบบไร้มารยาทสังคมที่สุด

49. บางทีเราก็มัวแต่ดูหน้าดูนมของพรีเซนเตอร์ จนลืมดูสินค้าไปโดยปริยาย

50. และโฆษณาบางเรื่อง ตลกมากมาย ดูจนจบก็จำชื่อไม่ได้